ปลาคาร์ฟ
ปลา่แฟนซีคาร์ฟ (Fancy Carp) เป็นชื่อที่ใช้เรียกปลาในสกุล (Genus)เดียวกับ
ปลาใน (Crucian Carp) ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Cyprinus Carpio line เป็น
ปลาน้ำจืดที่มีความสวยงามมีแหล่งดั้งเดิมอยู่ในบริเวณประเทศอิหร่านในปัจจุบันเป็นเวลาที่สามารถ
ปรับตัวดำรงชีวิตอยู่ในแหล่งน้ำจืด ที่มีอุณภูมิที่แตกต่างกันได้ดีมาก แม้ในสภาพอากาศร้อน
ปลาชนิดนี้ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้ จึงแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้ทั่วโลกเดิมทีปลาไนตามแหล่งน้ำธรรมชาติจะมีเพียงสีดำ สีเทาดำ หรือสีน้ำตาลดำเท่านั้นต่อมามันก็กลายเป็นสีส้มชาวจีนเขาก็เลยเอามันมาเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสิริมงคลและมีการเลี้ยงกันแพร่หลายในศตวรรษที่ 18 ประเทศญี่ปุ่นนำมาเลี้ยงไว้กินเป็นอาหารเพราะหิมะตกจึงไม่สามารถออกไปไหนได้......T_T น่าสงสารจัง
ปลาสีส้มตัวนี้มีชื่อเรียกว่า Kohaku
หลังจากมีการเพาะพันธุ์ในชั่วอายุของปลาปรากฎว่าปลามีสีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ชาวญี่ปุ่นสนใจเป็นอย่างมากและเริ่มมีการเลี้ยงปลาเพิ่มเป็นอย่างมาก......^^
มาดูสายพันธุ์กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง.......
1. โคฮากุ (Kohoku) เป็นปลาที่มีลายขาวและแดง เป็นสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด ลักษณะที่ดีสีแดงจะต้องคมชัดสม่ำเสมอ และสีขาวไม่ควรมีตำหนิใดๆแต่เวลาเราเลี้ยงสีจะเริ่มแตกเวลาเลือกซื้อต้องเลือกที่สายพันธุ์ดีๆๆนะ
2. ไทโช ซันเก้ (Taisho Sanke) ประกอบ ด้วย 3 สีด้วยกัน คือ ขาว แดง และดำ สีดำบนตัวปลานั้นควรดำสนิท และดวงใหญ่ ไม่ควรมีสีดำบนส่วนหัว รวมทั้งไม่มีสีแดงบนครีบและหาง
3. โชวา ซันโชกุ (Showa Sanshoku) เป็น แฟนซี คาร์พสามสี เช่นเดียวกับไทโช ซันเก้ ที่แตกต่างกันก็คือ สีขาวและแดงจะรวมตัวอยู่บนพื้นสีดำขนาดใหญ่ และมีสีดำบริเวณเชื่อมต่อครีบ และลำตัวในลักษณะของตัว Y
4. อุจิริ โมโน (Utsuri Mono) เป็นแฟนซีคาร์พ ที่มีสีดำพาดผ่านบนพื้นสีอื่น โดยสีดำที่ปรากฏจะเป็นรอยปื้นยาวพาดบนตัวปลา
5. เบคโกะ (Bekko) เป็นแฟนซี คาร์พ ที่มีสองสี โดยมีลวดลายเป็นจุดดำแต้มอยู่บนพื้นสีต่างๆ ในขนาดที่ไม่เล็ก หรือใหญ่เกินไป
6. อาซากิ ชูซุย (Asagi Shusui) อาซากิ ชูซุย เป็นสายพันธุ์ที่ถ่ายทอดมาจากปลาไนโดยตรง จะมีเกล็ดสีฟ้าสวยเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ
7. โกโรโมะ (Koromo) เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างอาซากิกับสายพันธุ์อื่นๆ โดยจะมีเกล็ดสีน้ำเงินกระจายเด่นอยู่บนลวดลาย
8. โอกอน (Ogon) เป็นปลาที่ไม่มีลวดลาย โดยจะมีสีลำตัวสว่างไสว ปราศจากจุดด่างใดๆ
ที่ ร้านบอกว่าพอเราเลี้ยงมันนานๆไปสีจะเริ่มไม่สวยเพราะนั้นต้องช่วยกันดูหน่อยนะ โอกอนที่ดีนั้น ครีบอกของปลานั้นจะต้องมีสีเหมือนกับตัวปลา คือต้องเหลืองเหมือนตัวปลาในความเข้มของสีที่เท่ากัน เทคนิคในการเลือกนั้นวิธีที่ดีที่สุดของการเลือกปลาประเภทสีเดียวเช่นนี้คือ การช้อนปลาทุกตัวในฟาร์ม หรือร้านที่เราไปซื้อมารวมกันไว้ในภาชนะเดียวกันให้หมด แล้วคัดเอาตัวที่สมบูรณ์ที่สุดเอาไว้เพียงเท่าจำนวนตัวที่เราต้องการ
9. ฮิการิ โมโย (Hikari Moyo) เป็นปลาที่มี 2 สี หรือมากกว่า โดยจะมีอย่างน้อยหนึ่งสีที่แวววาวดุจโลหะ (Metallic)
10.ฮิการิ อุจิริ (Hikari Utsuri) เป็นปลาที่มีลาดยพาดสีดำเช่นเดียวกับ อุจิริ โมโน บนพื้นที่มีความแวววาวคล้ายโลหะ
11. คินกินริน (Kinginrin) เป็นปลาที่อยู่ในกลุ่มที่มีประกายเงินหรือทองอยู่บนเกล็ด โดยเกล็ดจะดูนูนเหมือนไข่มุก
12. ตันโจ (Tancho) เป็นปลาที่มีสีแดงเพียงที่เดียวอยู่บนหัว โดยอาจมีรูปทรงกลมขนาดใหญ่ หรือรูปอื่นๆก็ได้ตอนแรกที่ซื้อมามันทำศัลยกรรมมากรมบอกเรยตัวนี้พอเวลานอนไปสีตรงหัวก็จะลามเหมือนเดิมทางที่ดีก็ซื้อที่หัวกลมๆมาตั้งแต่เกิดเลยจะดีนะจะได้ไม่ต้องพาปลาไปศัลยกรรมบ่อยๆๆเห็นแร้วสงสารมันอ่ะ T___T
13. คาวาริ โมโน (Kawari Mono) เป็นปลาที่ไม่มีลักษณะลวดลายที่ตายตัว ต่างจากพันธุ์อื่นๆ โดยจะมีลวดลายเกิดขึ้นใหม่ทุกปี
เทคนิคในการเลือซื้อปลานะจ๊
1 ต้องเลือกปลาที่หุ่นดีขนาดและรูปร่างของน้องปลาต้องมาเป็นอันดับแรกนะจ๊เลือกที่กระโหลกใหญ่ๆ ไหล่ที่ใหญ่และมีข้อหางที่ใหญ่ๆ
2 เรื่องของสีต้องมาเป็นอันดับสองน๊จ๊ถ้าเป็นสีขาวต้องเอาให้ขาวเหมือนราวกับหิมาส่วนเรื่องสีแดงต้องให้แดงเหมือนอย่างเลือดนกเรยขอบเขตความคมชัดของสีต้องดูให้ละเอียด
3 บางคนอาจให้ความสำคัญที่ลวดลายบนแผ่นหลังเป็นเรื่องที่เข้าใจกันผิดอย่างแรงเพราะต่อให้ปลามีลวดลายที่สวยเพียงไรมีรูปร่างผอม ซีดจาง ผิวขาวเหลืองไม่ใสสะอาด....ก็เป็นแค่ปลาตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
4 จุดเด่นของน้องปลาต้องมีลักษณะที่โดดเด่นเป็นรูปต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาบนตัวปลา....^^